การสร้าง URL ที่ดีสำหรับเว็บไซต์ถือเป็นสิ่งสำคัญในการทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์สามารถติดอันดับสูงในผลการค้นหาของ Google และเพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว “Slug” หรือ URL Slug คือส่วนของ URL ที่อยู่หลังชื่อโดเมน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการกำหนดว่าเนื้อหาของหน้าเว็บไซต์นั้นเกี่ยวข้องกับอะไร การเขียน Slug อย่างเหมาะสมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการทำ SEO ได้มากขึ้น มาดูประเภทของ Slug และผลกระทบต่อ SEO กัน
1. Slug คืออะไร?
Slug คือส่วนท้ายของ URL หรือที่อยู่เว็บไซต์ที่ช่วยบอกข้อมูลเกี่ยวกับเนื้อหาของเว็บไซต์หรือบทความนั้น ๆ มักจะอยู่หลังจากชื่อโดเมน ตัวอย่างเช่นใน URL www.example.com/how-to-improve-seo
คำว่า “how-to-improve-seo” คือ Slug ของหน้าเว็บนั้น
การเลือกคำที่ใช้ใน Slug จึงมีความสำคัญ เพราะมันไม่เพียงแค่ช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจได้ทันทีว่าเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร แต่ยังช่วยให้ Google เข้าใจเนื้อหาของเพจนั้นด้วย ซึ่งส่งผลต่ออันดับในการค้นหา
2. ประเภทของ Slug ที่ใช้บ่อย
- Slug แบบ Keyword-focused ที่มีการใช้คำหลักหรือคำค้นหาที่สำคัญสำหรับ SEO เป็นคำที่ช่วยให้ผู้ค้นหาเจอเนื้อหาของเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างเช่น การใช้คำว่า “seo-tips-for-beginners” หรือ “how-to-make-cake” คำเหล่านี้ช่วยให้ Google เข้าใจทันทีว่าเนื้อหาของเพจนั้นเกี่ยวข้องกับ SEO หรือการทำขนม
- Slug แบบ Short and Simple การเลือก Slug ที่สั้น กระชับ และตรงประเด็นสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการค้นหาและทำให้ผู้ใช้สามารถจำ URL ได้ง่ายขึ้น เช่น “best-coffee-shop” หรือ “top-10-books” ซึ่งการใช้คำที่สั้นและตรงไปตรงมาช่วยให้ง่ายต่อการแชร์บนสื่อสังคมออนไลน์และไม่ทำให้ URL ยาวจนเกินไป
- Slug แบบ Descriptive ที่มีคำอธิบายเกี่ยวกับเนื้อหามากขึ้น เช่น “how-to-optimize-your-website-for-google-ranking” คำนี้มีความยาวกว่า แต่ก็ช่วยให้ผู้ใช้รู้ว่าเนื้อหาของเพจคืออะไรอย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังมีโอกาสในการติดอันดับได้ดีในกรณีที่ใช้คำค้นหาที่มีความเฉพาะเจาะจง
- Slug แบบ Dynamic ที่มีการใช้ตัวเลขหรือสัญลักษณ์ใน URL โดยไม่ระบุคำหลัก เช่น “page=5” หรือ “id=1234” จะไม่ช่วยในการทำ SEO เพราะไม่สามารถบอกถึงเนื้อหาของหน้าเว็บได้ การใช้ Slug แบบนี้อาจทำให้การจัดอันดับในเครื่องมือค้นหายากขึ้น เนื่องจาก Google ไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเนื้อหานั้นเกี่ยวข้องกับอะไร
3. ผลกระทบของการเขียน Slug ต่อ SEO
การเลือก Slug ที่ดีไม่เพียงแค่ทำให้ผู้ใช้เข้าใจเนื้อหาของเว็บไซต์ได้ง่าย แต่ยังส่งผลต่อการทำ SEO ดังนี้:
- ช่วยให้เครื่องมือค้นหาเข้าใจเนื้อหา Slug ที่ใช้คำสำคัญหรือคำค้นหาช่วยให้ Google เข้าใจได้ว่าเนื้อหาของหน้าเว็บไซต์นั้นเกี่ยวกับอะไร ถ้า Slug มีคำที่ตรงกับคำที่ผู้ค้นหามักจะใช้ ก็จะช่วยให้เว็บเพจนั้นติดอันดับสูงขึ้น
- เพิ่มประสบการณ์ของผู้ใช้งาน การมี Slug ที่เข้าใจง่ายและตรงประเด็นจะช่วยเพิ่มความสะดวกให้ผู้ใช้ เมื่อผู้ใช้งานเห็น URL ที่สะอาดตาและอ่านง่าย จะรู้สึกมั่นใจที่จะคลิกเข้าไปอ่านบทความมากขึ้น ทำให้ผู้ใช้มีประสบการณ์ที่ดีและลดอัตราการคลิกออกจากหน้าเว็บไซต์
- ช่วยปรับปรุงการแชร์ URL ที่สั้นและเข้าใจง่ายจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถแชร์ลิงก์ได้สะดวกยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการส่งต่อผ่านอีเมลหรือโพสต์ในโซเชียลมีเดีย ซึ่งการแชร์ URL ที่มี Slug ที่ดีช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับลิงก์กลับ (Backlink) ที่มีคุณภาพ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญใน SEO
- เพิ่มอัตราการคลิก (CTR) เมื่อ Slug ของเว็บไซต์ชัดเจนและมีคำที่ตรงกับการค้นหาของผู้ใช้ จะช่วยเพิ่ม CTR ในผลการค้นหาของ Google เพราะผู้ใช้จะรู้สึกมั่นใจว่าเนื้อหาของเพจนั้นตรงกับความต้องการของพวกเขา การเพิ่ม CTR เป็นการส่งสัญญาณไปยัง Google ว่าเว็บไซต์ของคุณมีคุณค่ามากพอที่จะได้รับการจัดอันดับที่สูงขึ้น
- รองรับการทำ SEO ในระยะยาว การเลือก Slug ที่ใช้คำสำคัญในเนื้อหาที่เกี่ยวข้องจะช่วยให้คุณมีโอกาสในการรักษาอันดับในระยะยาว เพราะ Google จะเข้าใจว่าคุณให้ความสำคัญกับการเลือกคำที่เหมาะสมในการทำ SEO เมื่อมีการปรับเนื้อหาใหม่ๆ หรืออัปเดตเว็บไซต์ในอนาคต การเลือก Slug ที่ดีจะช่วยให้ไม่ต้องปรับเปลี่ยน URL ใหม่บ่อยๆ
4. ข้อควรระวังในการเขียน Slug
- หลีกเลี่ยงการใช้ตัวอักษรพิเศษ เช่น !, &, %, # หรือคำที่ไม่เกี่ยวข้อง เพราะอาจทำให้ URL ดูยากต่อการอ่านและจำ
- อย่าใช้ Slug ยาวเกินไป ยิ่ง Slug ยาวเกินไป ยิ่งทำให้ผู้ใช้ไม่สะดวกในการแชร์และอาจลดโอกาสในการคลิก
- ไม่ใช้คำซ้ำซ้อนหรือคำที่ไม่จำเป็น เช่น “best-best-coffee-shops-in-town” ควรใช้คำที่เรียบง่ายและไม่ซ้ำซ้อน
การเขียน Slug ที่ดีและเหมาะสมมีผลต่อการทำ SEO อย่างมาก การเลือกคำที่ใช้ใน Slug ควรเป็นคำที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา มีความชัดเจนและสั้นกระชับ การใช้ Slug ที่ดีจะช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับในการค้นหาของ Google เพิ่มโอกาสในการได้รับคลิกมากขึ้น และช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้ ดังนั้น หากคุณต้องการพัฒนาเว็บไซต์และเพิ่มประสิทธิภาพ SEO อย่าลืมให้ความสำคัญกับการเขียน Slug อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
จากเนื้อหาของบทความแหล่งอ้างอิงเพิ่มเติม
Moz – Beginner’s Guide to SEO Google Search Central Blog – Search Engine Optimization (SEO) Starter GuideAhrefs Blog – How to Write SEO-Friendly URLsSearch Engine Journal – SEO URL Structure: The Ultimate GuideNeil Patel Blog – SEO Guide: How to Rank in Google (Step-by-Step)