Menu
TaMillar.com
  • Home
  • Digital Marketing
    • Business
  • General
    • LIFE
    • TECH
  • Research & Science
  • ประกัน
  • Contact us
TaMillar.com

ผลกระทบของ VPN ต่อการเช็คความเร็วเน็ต True และวิธีทดสอบที่ถูกต้อง

Posted on 02/12/202502/12/2025

หลายคนที่ใช้งานอินเทอร์เน็ต True อาจเปิด VPN ไว้เป็นประจำ ไม่ว่าจะใช้เพื่อความปลอดภัย ปลดล็อกคอนเทนต์ต่างประเทศ หรือเชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์เฉพาะทาง แต่รู้ไหมคะว่าเวลาเราทำ Speedtest ผลที่ได้อาจ “ไม่สะท้อนความเร็วจริงของเน็ตบ้าน True” เลยก็ได้ค่ะ เพราะ VPN ส่งผลต่อการวัดความเร็วค่อนข้างมาก วันนี้เลยอยากชวนมาทำความเข้าใจว่าทำไมผลถึงคลาดเคลื่อน และควร

ทดสอบอย่างไรให้ได้ค่าที่แม่นยำที่สุด

VPN มีผลต่อ Speedtest อย่างไร

สาเหตุหลักที่ VPN ทำให้ Speedtest ไม่ตรงความเป็นจริง มาจากลักษณะการทำงานของ VPN เองค่ะ เพราะเมื่อเปิดใช้งาน ข้อมูลของเราจะถูกเข้ารหัสและวิ่งผ่านเซิร์ฟเวอร์ VPN ก่อนถึงปลายทาง ทำให้เกิดความหน่วงเพิ่มขึ้นและความเร็วลดลงแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยปกติผลที่เจอมีดังนี้

  • ความเร็ว Download ลดลงหลายระดับ บางครั้งอาจตกครึ่งหนึ่งของแพ็กเกจ
  • ความเร็ว Upload ลดลงมากกว่า Download
  • Ping สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะต้องวิ่งอ้อมไปเซิร์ฟเวอร์ VPN
  • ตัวเซิร์ฟเวอร์ปลายทางของ Speedtest อาจถูกเปลี่ยน ทำให้ผลไม่เสถียร

พูดง่ายๆ คือ หากเปิด VPN ผล Speedtest ที่เห็น จะสะท้อน “ความเร็วหลังผ่าน VPN” ไม่ใช่ “ความเร็วจริงของเน็ต True”

เหตุผลที่ผล Speedtest ผิดเพี้ยนเมื่อเปิด VPN

ประสบการณ์ส่วนตัวเวลาทดสอบ จะเจอปัญหาแบบเดิมซ้ำๆ เสมอ เช่น

  • เลือกเซิร์ฟไม่ได้ เพราะ Speedtest จะบังคับให้วิ่งผ่านเซิร์ฟเวอร์ต่างประเทศ
  • VPN บางตัวจำกัดความเร็ว เช่น 50 ถึง 200 Mbps แม้เน็ตเราจะ 1 Gbps ก็ตาม
  • เวลา Latency พุ่ง ทำให้ผลรวมดูต่ำกว่าปกติ
  • หากใช้ VPN ฟรี ความเร็วจะตกหนักมากเพราะเซิร์ฟเวอร์แชร์คนจำนวนมาก

จุดนี้เองที่ทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่าเน็ต True ช้า ทั้งที่จริงๆ ปัญหามาจาก VPN

วิธีทดสอบความเร็วเน็ต True อย่างถูกต้อง

ถ้าต้องการรู้ว่าเน็ตบ้านหรือเน็ตมือถือของเรา “เร็วจริงตามแพ็กเกจหรือไม่” ควรทดสอบในสภาพแวดล้อมที่สะอาด ไม่มีอะไรรบกวนการวัด วิธีที่แนะนำคือ

  • ปิด VPN ทุกชนิดก่อนทำ Speedtest ทั้งในคอม มือถือ และใน Router
  • ทดสอบผ่านสาย LAN เพื่อให้ได้ค่าที่เสถียรที่สุด
  • ถ้าจำเป็นต้องใช้ WiFi ควรทดสอบใกล้ Router ที่สุด
  • ปิดแอปที่ใช้งานเน็ตหนักๆ เช่น ดาวน์โหลดไฟล์ ดูหนังออนไลน์
  • เลือกเซิร์ฟเวอร์ในพื้นที่ใกล้บ้านเพื่อให้ Ping ต่ำที่สุด
  • ทดสอบหลายครั้งในช่วงเวลาต่างกัน เช่น เช้า บ่าย กลางคืน

ด้วยวิธีนี้จะทำให้เห็นความเร็วแท้จริงของเน็ต True ได้ใกล้เคียงที่สุด

ถ้าจำเป็นต้องเปิด VPN ระหว่างทดสอบ ทำอย่างไรดี

บางคนอาจต้องเปิด VPN ด้วยเหตุผลงานหรือความปลอดภัย แต่ก็ยังอยากรู้ความเร็วหลังผ่าน VPN ว่าเพียงพอต่อการใช้งานไหม แนะนำดังนี้

  • เลือกเซิร์ฟเวอร์ VPN ประเทศเดียวกับเซิร์ฟเวอร์ Speedtest
  • ใช้โปรโตคอลที่เร็ว เช่น WireGuard หรือ IKEv2
  • เลือกผู้ให้บริการ VPN แบบพรีเมียมที่มีโครงสร้างพื้นฐานเสถียร
  • หลีกเลี่ยงเวลาเร่งด่วนเพราะโหลดเซิร์ฟเวอร์ VPN จะสูง
  • ทดสอบหลายรอบเพื่อเช็คความเสถียร ไม่ดูแค่รอบเดียว

ผลลัพธ์จะไม่เท่าค่าปกติแน่นอน แต่จะสะท้อนประสบการณ์ใช้งานจริงเมื่อเปิด VPN

VPN มีผลต่อผล Speedtest ของ True อย่างชัดเจน ทำให้ Download ลด Upload ลด และ Ping สูงขึ้น เพราะข้อมูลต้องวิ่งอ้อมผ่านเซิร์ฟเวอร์ VPN หากต้องการ เช็คความเร็วเน็ต True ที่แม่นยำ ควรปิด VPN ก่อนทดสอบทุกครั้ง แต่ถ้าต้องการรู้ความเร็วภายใต้ VPN ก็ทำได้ เพียงเลือกเซิร์ฟเวอร์และโปรโตคอลให้เหมาะสม

โพสต์ล่าสุด

  • ผลกระทบของ VPN ต่อการเช็คความเร็วเน็ต True และวิธีทดสอบที่ถูกต้อง
  • ธุรกิจเล็กทำยังไงให้รอด กลยุทธ์อยู่รอดในปีที่ต้นทุนสูงขึ้นทุกเดือน
  • จะทำธุรกิจอะไรดีในยุคเศรษฐกิจผันผวน? 20 ไอเดียเริ่มง่ายได้จริง
  • ธุรกิจปี 2026 ต้องเริ่มจากอะไร? คู่มือวางรากฐานสำหรับมือใหม่
  • วิกฤตหนี้ทั่วโลกกำลังคืบคลาน เศรษฐกิจจะปรับตัวอย่างไรเมื่อทุกประเทศเป็นหนี้

หมวดหมู่บล็อก

  • Business & Finance
  • Digital Marketing
  • General
  • LIFE & HEALTH
  • Research & Science
  • TECH
©2025 TaMillar.com | Powered by SuperbThemes